วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[ตามรอยอนิเมะ] Part.3 - Free! ต้นแบบโรงเรียนมัธยมปลายอิวาโทบิ (岩鳶高校 ) -



วี้ดดดดด!! กลับมาเมาท์ต่อแล้วค่ะ!! 

หลังจากเล่าเรื่องที่ไปตามรอย FREE! ที่คินไดมาคราวที่แล้ว 


ก็หายไปเกือบ 2 ปี

จริง ๆ ก็ไม่ได้หายไปเลยซะทีเดียว แต่เราเอาเรื่องที่ไปต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบิไปเมาท์ในทวิต

แล้วมันยาวมากก็ขี้เกียจขนย้ายข้อมูลมาลงในนี้ 

แต่บังเอิญว่าปลายเดือน 7 ปีนี้เราไปตามรอย Free! อีกครั้ง 

รวมกับที่เห็นข่าวในทวิตเตอร์มาว่าต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบิกำลังจะปิดในวันที่ 14 เดือน 7 ปี 2017

เลยคิดว่าควรเอามาเล่าในบล็อกให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกทีดีกว่า

(*อัปเดต 2017.08.13* เรื่องที่ว่าต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบิกำลังจะปิดนั้นสรุปว่าปิดจริง ๆ นะคะ

เมื่อวันที 23 เดือน 7 ที่ผ่านมาเราแวะไปดูมาแล้ว มีการปิดสถานที่เตรียมทุบทิ้งจริง ๆ ค่ะ

เห็นแล้วก็ใจหายอยู่เหมือนกัน อ๊ะ! แต่ตอนที่เราไปนี่เค้ายังไม่ได้ทุบอาคารนะ

แต่พื้นที่รอบ ๆ ก็โดนทยอย ๆ โดยเคลียร์ไปที่ละหน่อยแล้วค่ะ

คาดว่าช่วงเดือน 8 นี้ถ้าไปดูอาคารจากข้างนอกน่าจะยังทันนะคะ )

เอาล่ะค่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ

【ต้นแบบร.ร.อิวาโทบิ】

สถานที่ คือ 岸和田市立福祉総合センター (ข้อมูลเพิ่มเติม)

เอาง่าย ๆ (?) ก็คือศูนย์ 福祉総合 (ไม่รู้จะแปลว่าไง...) ที่ตั้งอยู่ที่เมืองคิชิวาดะในโอซาก้า

ถ้าลองเอาชื่อ 岸和田市立福祉総合センター ไปเสิร์ชดู
จะเห็นว่าตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟสถานีคิชิวาดะมาก

ซึ่งพอไปแล้วมันก็ใกล้จริง ๆ นะ  

 วิธีการเดินทางไป 岸和田市立福祉総合センター 

(เนื่องจากคราวที่แล้วก่อนจะไปต้นแบบรร.อิวาโทบินี่เราไปคินไดต้นแบบซาเมะสึกะมาก่อน

การเดินทางเราเลยตั้งต้นที่สถานีนางาเสะ ที่เป็นสถานที่ตั้งของคินไดนะคะ)

เริ่มจากสถานี Nagase ก็นั่งรถไฟสาย Kintetsu Osaka Loop Line ไปลงสถานี Tsuruhashi

พอถึงสถานี Tsuruhashi ให้เปลียนรถไฟมาเป็นสาย Osaka Loop Line

แล้วก็นั่ง Osaka Loop Line ไปลงสถานี Shin-Imamiya เพื่อเปลี่ยนรถไฟอีกครั้งนึง

จากสถานี Shin-Imamiya ให้ขึ้นรถไฟ Nankai Ltd. Exp. หรือ Nankai Airport Exp.

แล้วก็นั่งกันยาว ๆ ไป 20 นาทีจนไปถึงสถานี Kishiwada ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราเลย

  เมาท์นิดนึง...ด้วยความที่ระยะทางกว่าจะไปถึงสถานี Kishiwada มันไกลเนอะ

ระหว่างทางก็มีคนขึ้นลงรถไฟสับเปลี่ยนกันไปบ่อย ๆ ซึ่งมันก็ปกติ

แต่ที่มันดีคือช่วงเวลาที่เราไปมีเด็กนักเรียนม.ต้น ม.ปลาย ขึ้นรถไฟหลายรร.มาก

เห็นยูนิฟอร์มหลายแบบเลย ก็ยอมรับว่าค่อนข้างอิ่มเอม ฮี่~

 เพิ่มเติม : การเดินทางจากสถานี Tsuruhashi ไปสถานี Kishiwada เนี่ย

ถ้าเสิร์ชจากกูเกิ้ลหรือแอปฯอื่น ๆ มันจะแนะนำอีกเส้นทางนึงไว้ด้วย

คือ นั่งรถไฟจากสถานี Tsuruhashi ไปเปลี่ยนสายรถไฟเป็น Nankai line ที่สถานี Nankai Namba

แต่เราไม่ไปทางนั้น เพราะเรามองว่ามันต้องเดินเยอะกว่าตอนเปลี่ยนสายรถไฟ (ขี้เกียจ )

คือถ้าลงที่สถานี Shin-Imamiya อะมันไม่ต้องเดินไปไหนไกล 
แค่หันหน้าหันหลังก็เปลียนสายรถไฟได้แล้ว 

พอมาถึงสถานี Kishiwada ให้ออกทางออกตามในรูปข้างล่างนี้เลยนะคะ 


พอเดินออกทางออกที่วงไว้มาแล้วก็ให้เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอถนนแบบนี้นะคะ


ก็เดินตรงไปเลย เดินไปก็มองซ้ายมือตัวเองไว้นะคะ 

ต้นแบบรร.อิวาโทบิตั้งอยู่ทางซ้ายมือของถนนนี้แหละค่ะ 


เดินไปเรื่อย ๆ ไม่ไกลเลยค่ะ ใกล้มาก

เราก็จะเห็นตึกอันคุ้นตา นี่แหละค่ะ!! ต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบิ!! 

ตอนไปเห็นก็ดีใจนะคะว่าเจอตึกแล้ว แต่ทั้งตึก ทั้งประตูรั้ว เก่ามากเหลือเกิน

จนแอบคิดว่า เอ๊ะ? นี่เค้ายังให้เข้าได้หรือเปล่านะ? 

แต่จากที่ส่อง ๆ (?) ดูสำนักงานข้างในก็ดูเปิดทำงานกันปกติ

แถมตอนที่ไปยังมีเด็ก ๆ ให้ชุดวอร์มทั้งวิ่ง ทั้งซ้อมเบสบอลกันอยู่ด้วย

เพราะงั้นก็เลยมั่นใจว่ายังไงก็เข้าได้ล่ะค่ะ 


มาถึงก็ต้องทำพิธีอัญเชิญมันจูมาโกะฮารุมาถ่ายรูปในฐานะเจ้าถิ่นกันนิดนึงเนอะคะ 




พอเข้าไปข้างในได้ด็เดินถ่ายรูปรอบ ๆ ไปเรื่อย ๆ

ตอนแรกก็เกร็ง ๆ แต่ก็ดูไม่มีใครสนใจการมาของเราเลย

น่าจะเพราะมีคนเข้าออกเป็นปกติอยู่แล้วด้วยล่ะมั้ง 

แต่มันมีปัญหา (สำหรับเรา) อยู่...


ปัญหาที่ว่า คือ เราจะเข้าไปในตึกที่เป็นต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบินี้ได้ยังไง

คืออุตส่าห์มาทั้งทีจะให้ถ่ายรูปแค่ข้างนอกก็ไม่ใช่ถูกมะ?

ยังไงก็ต้องขึ้นไปบนตึกด้วยสิ

แต่เราอะ...คิดว่าจะเข้าไปบนตึกเค้านี่ยังไงก็ควรจะขออนุญาตหรือเปล่า?

เราเลยไปเดินหาคนที่พอจะสอบถามและขออนุญาตได้ แต่ก็ไม่มีใครเลย

เราเลยเดินไปตรงสำนักงานที่เค้าทำงานกันอยู่

แต่ทุกคนเค้าดูวุ่นวาย ๆ มีงานทำกันยุ่งไปหมดเลย

แบบ...ทุกคนดูยุ่งมากกกกกจนเราไม่กล้าจะไปเอ๊ะอ๊ะอะไรกับใครเลย

อีกอย่างภาษาก็ใช่ว่าจะได้ คุยแล้วจะรู้เรื่องมั้ยก็ไม่รู้ ไปสร้างปัญหาให้เค้าอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

สุดท้ายก็เดินวนไปวนมาพยายามให้ใครสักคนสังเกตเห็น แต่ไม่มี

เลยตัดสินใจจะเดินขึ้นตึกเอง อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ


พอเข้าไปในตึกก็จะเห็นว่า ชั้น 1 มันปิดทางเดินไว้ แต่มีห้องนึงตรงที่ติดประตูเปิดอยู่

แต่ตอนที่เราไปเหมือนเค้าเพิ่งทำกิจกรรมอะไรสักอย่างกันไป

แล้วเค้าทำความสะอาดกันอยู่

เราเลยเดินขึ้นบันไดไป ชั้น 2 เลย


และความสะพรึงก็เริ่มตรงที่ขึ้นบันไดนี่แหละ

แค่ขั้นแรกก็จะร้องแล้วอะ

ก็อย่างที่เห็นข้างนอกอะเนอะว่าตึกมันเก่ามากกกกกกกก 

ข้างในก็เก่าไม่ต่างกัน แล้วคิดดูบันไดไม้เก่า ๆ อะ

เหยียบทีก็ลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปหมด  

ดังแบบมั่นใจเลยว่าไม่ทางที่คนอยู่ชั้น 1 จะไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่มีใครมาเอ๊ะอ๊ะอะไรเราอยู่ดี

เลยลุยขึ้น ชั้น 2 ชั้น 3 ไปเลย


เดินขึ้นมาก็เห็นทางเดินที่คุ้นตา ถ้ามีหนุ่ม ๆ ชมรมว่ายน้ำวิ่งไปวิ่งมานี่ก็ใช่เลย 


ดูกระจกสิ...มีเทปกาวปิดไว้ ก..ก็เก๋ดีล่ะมั้ง...บ้าเรอะ!! มันเก่าขนาดนั้นเลยแหละค่ะ ฮือออ



ด้วยความที่ในตึกมันทั้งเงียบ ทั้งเก่า แถมเราก็ไปคนเดียว

เอาตรง ๆ ก็กลัว  อะค่ะ 

คิดได้งั้นก็รีบควักเอามาโกะฮารุมาถ่ายรูปเท่าที่พอถ่ายได้

แล้วก็ค่อย ๆ ย่อง (เดินแรงเดี๋ยวมันลั่น...) ลงบันไดออกมาจากตึกเลยค่ะ

อ๊ะ! ลืมบอกไปอย่างว่า...ตึกนี่ตรงบันไดมันมืดมากเลย ไม่มีรูรับแสงอะไรเลย

มีแค่แสงที่ลอดมาจากแต่ละชั้น ซึ่งก็ไม่มาก

ที่น่ากลัวสุดก็ตรงบันไดที่ต่อจาก ชั้น 3 ขึ้นไปทางออกที่ยื่นไปบนดาดฟ้า

ตอนแรกไม่ได้สังเกตว่าตึกมันมีแค่ 3 ชั้น นี่เกือบเดินจากชั้น 3 ไปดาดฟ้าซะแล้ว

ดีที่มันมืดมาก และนี่ก็ใจไม่สู้เลยถอย พอจะกลับยังคิดอยู่เลยว่าดีที่ไม่เดินขึ้นไป 


(นี่ไปตามรอบอนิเมะหรือไปล่าท้าผีเนี่ย...ความขี้กลัวของตัวฉันนี่มัน...)

เอาเป็นว่า...การตามรอยหนุ่ม ๆ ว่ายน้ำที่ต้นแบบโรงเรียนอิวาโทบิก็จบเท่านี้ล่ะค่ะ

หลังจากนี้เราจะนั่งรถไฟไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูจัง

เพื่อไปดูฉลามวาฬตัวโต ชื่อ ยูจัง กันค่ะ 

(ไว้ไม่ขี้เกียจจะมาเล่าต่อนะคะ )


วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[อวดของ] BL DramaCD Fukigen Karesshi no nadame kata 


 อวดค่ะ! อวดของล้วนๆค่ะ

เรื่องเม้าท์คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องมาจากเรื่อง...

" [เล่าสู่กันฟัง] เที่ยว (ญี่ปุ่น) ไป...ติ่ง (2D) ไป" ล่ะค่ะ

คือว่า...ช่วงที่เราไปญี่ปุ่นช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีสินค้าหลายอย่างที่เราอยากได้วางขายพอดี

เราเลยห้ามใจไม่สั่งซื้อออนไลน์ให้มาส่งที่บ้านค่ะ

เพราะเราจะไปหิ้วมาเองค่ะ

เขียนบล็อคครั้งนี้ก็แค่อยากจะอวดของเน้นๆซักชิ้น (ตามความลำเอียง) เท่านั้นเองล่ะค่ะ


จะจ๊าง!! ดราม่าซีดีค่ะ 

อันนี้เป็นดราม่าซีดีจากBLมังงะเรื่อง Fukigen Karesshi no nadame kata 

โดย อ.ซาเคียว อายะ ค่ะ 

เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งเรื่องในแมวดำซีรี่ส์ของอาจารย์นะคะ

แต่จะเป็นคู่ของคุณพี่ชายของคางามิ ที่ชื่อ ยูจิน ค่ะ

เรื่องนี้พระเอกอินเนอร์แอบคล้ายโซสึเกะ (FREE!) นิดนึงล่ะค่ะ

บางทีก็แอบคิดนะคะว่าที่อ.วาดตัวละครนี้ขึ้นมาเพราะอ.อยากวาดคนแบบโซสึเกะรึป่าวนะ?

(ก็มโนไปเรื่อย ฮาาา )

เอาไว้ว่างๆ (?) จะเขียนบล็อกเม้าท์อ.ซาเคียวล้วนๆเลยดีกว่าเนอะ

ไม่งั้นบล็อก "อวดของ" คราวนี้ มันจะกลายเป็น "อวดอ.ที่ชอบ ไปแทน"

.

.

.

แล้วก็...มีเรื่องอยากเล่าล่ะค่ะ (ไม่น่าจะมีใครอยากรู้มั้ย? )

คือว่า...ดราม่าซีดีอันนี้มันวางขายวันแรกวันที่ 28 เดือน 8 ค่ะ

ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เราเดินทางจากโอซาก้าเข้าโตเกียวพอดี

จะให้ไปซื้อตอนเช้าก่อนเข้าโตเกียวก็คงไม่สะดวก แค่ตื่นให้ทันรถไฟก็ลำบากแล้วค่ะ 

เลยรอมาซื้อที่โตเกียวแทน

ที่นี้...กว่าเราจะถึงโตเกียวนี่มันก็เย็นพอสมควรแล้ว

เราก็งอแงกับคุณเพื่อนว่า "จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ซื้อดราม่าซีดีเลย อ.ซาเคียวต้องงอนแน่ๆเลย"

คุณเพื่อนเลยหันมาบอกเราว่า "อ.เค้าไม่งอนเธอหรอก เธอน่ะ...คิดไปเอง"

อึ่ก!! เจ็บค่ะ ติ่งเจ็บช้ำ 

แต่หลังจากงอแงๆ ใส่คุณเพื่อนก็รับพุ่งตัวไปอะนิเมทเลยนะคะ

แล้วก็ได้มาสมใจ

ดราม่าซีดีที่อะนิเมทนี่จะแถมเปเปอร์ (ในรูปอันซ้ายสุด) กับที่ขั้นหนังสือ (ในรูปอันขวาสุด) ค่ะ

ที่คั่นหนังสือเป็นภาพที่อ.วาดใหม่ด้วยนะคะ

เป็นคุณพี่กับทาคามิซาวะสมัยเด็ก

น่ารักมากกกก (อวย)

ส่วนเปเปอร์ที่แถมมา (อันซ้าย) เป็นเรื่องราวหวานๆ ของทั้งสองคนค่ะ

แน่นอนว่าถ้าเป็นงานอ.ซาเคียวต้องไม่พ้นเรื่อง#$%&^*(?)

แต่ก็น่ารักมากอยู่ดีล่ะค่ะ มีริโอะ(ลูกชายของคุณพี่) ด้วยนะคะ

น่ารักสุดๆ ริโอะยังคงติดหนึบอยู่กับตุ๊กตาชินโงะอยู่เหมือนเดิมล่ะค่ะ 

คราวนี้เอาเท่านี้ก่อนดีกว่า...ใจจริงอยากอวดหลายสิ่งแต่ความขี้เกียจครอบงำ จนต้องยอมหยุดเพียงเท่านี้ (?) 

ปล.อยากเม้าท์เรื่องอ.ซาเคียวเยอะๆจังน้า~ *พึมพัม*